ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การทำ Integration SCP ร่วมกับ Veeam

ปรับปรุงเมื่อ

[UNDER DEVELOPMENT NOT PRODUCTION READY]

 

มี Component ที่เกี่ยวข้องดังนี้

1. SCP 6.10.0 ขึ้นไป และ HCI 6.10.0 ขึ้นไป

2. Veeam Backup & Replicate 12.x (ต้องใช้ร่วมในข้อ 4) แบบ Enterprise Plus (ต้องใช้ REST API) แบบ Per VM

3. Linux Server (สำหรับลง SupDRC Server บน Docker)
- CentOS7/8, SUSE Linux 15.X หรือ OpenEuler 22.03 SP2
- Recommend: 8C 16G 50G(OS)+100G(Data)
- Minimum: 50G (OS) 50G(Data)

4. Windows Server 2016-2025 (สำหรับเป็น Veeam VBR และลง SupDRC Client) แนะนำ 2022
- Recommend: 8C 16G 100GB(OS)+100GB(Data)
- Minimum: 4C 8G 100GB(OS)
- SupDRC Client จะต้องติดตั้งบน Windows Server ที่เป็น Veeam VBR

 

อธิบายการติดตั้ง

- ใน package ติดตั้งจะมีไฟล์ SupDRC และ Sangfor Backup Platform ที่จะต้องเปิดบนเครื่อง Windows เพื่อส่ง package ไปติดตั้งบน Docker บน Linux

- SupDRC จะเป็นตัวกลางระหว่าง Sangfor และ Veeam

 

รูปแบบการใช้งาน

- ใช้ Sangfor Backup Platform + SupDRC เป็นตัวสั่งBackup/Restore VM ผ่าน SCP ลงไปที่ HCI

- Backup Data จาก Backup Strategy บน SBP จะถูกจัดเก็บที่ Proxy Repository ก่อน (สามารใช้ Linux Server หรือ Windows NFS มาเป็นถังเก็บ) จากนั้น สร้าง Secondary Backup Copy จาก Proxy Repository ไปยัง Veeam Repository

- การ Restore สามารถทำใน Level Entire VM หรือ Restore Virtual Disk ได้ โดยจะดึงมาจาก Proxy Repository

 

การเตรียมที่ HCI

- ไปที่ HCI > System > Port Management > กด Enable Agentless backup data transfer service

 

การเตรียมเครื่อง Linux Server

0. เตรียม VM ตาม Spec ที่ต้องการ, ตั้งค่า Network, ตั้งค่าเวลา และ Timezone, ตั้งค่า Hostname ให้เรียบร้อย

1. ปิด firewall service

systemctl stop firewalld && systemctl disable firewalld

หรือ Allow Inbound Port : 80, 22, 443, 3306, 6379

2. แก้ไขการตั้งค่า Selinux
- Run คำสั่งต่อไปนี้เพื่อปรับเป็น Permissive mode และ Reboot Server

sed -i 's/^SELINUX=.*/SELINUX= Permissive /' /etc/selinux/config && reboot

3. แก้ไข yum source (ตรวจสอบว่าใช้ CentOS 7 หรือ 8)

curl -o /etc/yum.repos.d/Centos-Base.repo https://repo.huaweicloud.com/repository/conf/CentOS-8-reg.repo

- แก้ไข Docker-CE Repository

curl -o /etc/yum.repos.d/docker-ce.repo https://download.docker.com/linux/centos/docker-ce.repo

- หากใช้งาน CentOS อาจพบ Error เรื่องการ Solve hostname mirrorlist.centos.org ในขั้นตอนต่อไป ให้ทำการเปลี่ยน URL การชี้ Repo ตามคำสั่งด้านล่าง เนื่องจาก Domain ถูกยกเลิกแล้ว

sed -i s/mirror.centos.org/vault.centos.org/g /etc/yum.repos.d/*.repo;
sed -i s/^#.*baseurl=http/baseurl=http/g /etc/yum.repos.d/*.repo;
sed -i s/^mirrorlist=http/#mirrorlist=http/g /etc/yum.repos.d/*.repo;

sed -i 's/mirrorlist/#mirrorlist/g' /etc/yum.repos.d/CentOS-*;
sed -i 's|#baseurl=http://mirror.centos.org|baseurl=http://vault.centos.org|g' /etc/yum.repos.d/CentOS-*;

 

4. Update yum cache

yum clean all && yum makecache

- ตรวจสอบผลเมื่อ Run เสร็จ จะขั้นว่า Metadata Cache Created

5. ทำการ Install Docker-CE, Unzip, และ wget

yum -y install yum-utils libguestfs-tools docker-ce docker-ce-cli containerd.io docker-buildx-plugin docker-compose-plugin unzip wget

- หากพบ conflict ตัว package อาจจะต้องลบ package ที่เกี่ยวกับ docker versionใหม่ออกก่อน (ระวังหากเป็นการดำเนินการบนเครื่อง production) 

sudo dnf remove podman podman-docker buildah skopeo containerd runc --allowerasing
sudo dnf clean all

- จากนั้นให้ทำการ install ใหม่อีกครั้ง

 

6. ทำการ Run Docker Service (ใช้ Docker-CE)

systemctl start docker

- ตรวจสอบการทำงานด้วยคำสั่ง

systemctl status docker

- ตรวจสอบ version ของ docker จะต้องใช้แบบตามภาพ (ใช้ผ่าน podman ไม่ได้)

docker -v

- ติดตั้ง libguestfs-tools

yum install libguestfs-tools

 

การเตรียมเครื่อง Windows Server

1. ปิด Windows Firewall

2. ติดตั้ง JDK-11.0.26-x64.exe

- ตั้งค่า Environment Variable ตาม Path ที่ JDK อยู่ใน Folder bin

- ใช้คำสั่ง java -version เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการติดตั้ง

3. ติดตั้ง Veeam Backup&Replication (หากมีอยู่แล้วให้ข้าม)

- ติดตั้งตามขั้นตอนจนจบ และทดลองเปิดหน้า Program Veeam ขึ้นมา

4. ติดตั้ง SupDRC Client

- ย้ายไฟล์ SupDRCSetup.exe และ Folder DeployFiles ไปที่ C:/SupDRC

- กดติดตั้งที่ไฟล์ SupDRCSetup.exe
Password: supdrc-sangfor

- กด Yes

- กด Show Value

- ตั้งค่า Config ตามข้อมูลด้านล่างและกด Save

VEEAM_API_URL:   IP Address ของ Windows ที่ติดตั้ง Veeam ตามด้วย Port 9419
VEEAM_USERNAME:  Username ของ Windows ที่ติดตั้ง Veeam
VEEAM_PASSWORD:  Password ของ Windows ที่ติดตั้ง Veeam
LINUX_HOST:      IP Address ของ Linux ที่เตรียมไว้ติดตั้ง SupDRC Server
LINUX_USERNAME   Username ของ Linux ที่เตรียมไว้ติดตั้ง SupDRC Server
LINUX_PASSWORD:  Password ของ Linux ที่เตรียมไว้ติดตั้ง SupDRC Server

- ระบบจะพามาที่หน้าติดตั้ง กด Auto Start at Boot ด้านล่าง
และให้กดที่ Deployment Management > Docker Environment Deployment

- กด Yes เพื่อติดตั้ง Linux Server

- หากไม่ได้ใช้ Docker-CE อาจจะติดตั้ง Fail ตามภาพ ให้ติดตั้งเป็น Docker-CE

- หากมี docker อยู่แล้วจะ skip ไปสร้าง container เลย

- เมื่อติดตั้งเสร็จ กด Install Service

-หาก Install Service fail ตามภาพ ให้ไปกด unblock file C:\DeployFiles\SupDRCService ก่อน

- จึงจะสามารถ install service สำเร็จ

- จากนั้นกด Start Service

- บน Docker จะมี container ตามนี้

 

5. เข้าหน้า WebUI ของ SupDRC

- http://Linux_IP

- กดที่มุมขวาบนเพื่อเปลี่ยนภาษา

- หาก CAPTCHA ไม่ขึ้นหรือขึ้น Error Popup 502 ให้ตรวจสอบว่า Install Service และ Start Service แล้วหรือไม่

- หรือตรวจสอบว่าตอนกรอก credential ส่วนของ VEEAM_API_IP ได้กรอกเป็น IP ของ Windows Server ถูกต้องแล้วหรือยัง (+Port API Veeam)

- สำหรับ Default Username/Password ให้ติดต่อขอจากทีม Support Sangfor

 

- หาก Error 403 หลัง Login สำเร็จ ให้ตรวจสอบว่ามี license veeam แบบ enterprise plus เพื่อใช้ REST API แล้วหรือไม่

 

หน้า WebUI ของ Sangfor Backup Platform (ติดตั้งมาด้วย SupDRC Installer)

 

การตั้งค่าบน Sangfor Backup Platform

1. เพิ่ม Sangfor Cloud Platform resource (Windows, Linux, SCP)

1.1 เลือก Windows Server

1.2 Add เพิ่มสำหรับ Linux Server

1.3 ทำการ Add Sangfor Cloud Platform

- เตรียม API Key จาก SCP ตามคู่มือ การ Generate API Key จาก SCP

- กด Add แบบ Sangfor Cloud Platform

- กรอก Credential ด้วย Access Key และ Secret Key จาก SCP

- กรอกข้อมูล SCP

 

2. ทำการ Add Sangfor Data Collector

- เลือก SupMirror Backup Proxy

- ตรวจสอบความถูกต้องข้อมูล เช่น maximum number of concurrent disks, bandwidth limit (Mbps) และกด Confirm

- กด Install Agent ที่ตัว Data Collector ที่add เข้ามา

- หากเจอ Error นี้ให้ติดตั้ง libguestfs-tools บน linux server (ตาม step ด้านบน)

- ติดตั้ง Agent เรียบร้อยจะขึ้นว่า Available

3. ทำการ Add SupDRC Data Collector

- ตรวจสอบรูปแบบการใช้งาน (หรือตั้ง Auto) และกด Confirm

4. ทำการ Add Sangfor Data Repository

- เลือก Direct Attached Storage และ Linux (จะใช้ตัว Disk 2 ที่อยู่บน SupDRC Server)

- หลัง Add จะพบ Repository ดังนี้

 

5. ทำ Protection Group ใหม่ (เทียบเท่ากับ Feature บน Veeam หากต้องการใช้ agentless backup จาก Sangfor ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลย ต่อที่ข้อ 6)

- ในส่วน Account ของ Personal Computer จะต้องไป Add ที่ Credential Manager ก่อน

- จะพบ Protection Group ที่สร้างไว้บน VBR

- Install Agent หากต้องการใช้ Agent Based

 

6. การ Create Backup Strategy ใหม่ > เลือก Sangfor

- กรอกชื่อ Job Name

- กด Dropdown เพื่อค้นหา Object ที่ต้องการ

- เลือก Backup Proxy

- ตรวจสอบ Backup Strategy ที่สร้าง

- สามารถกดเพื่อเริ่ม Task

- Data image จะถูกเก็บไว้ชั่วคราวใน Data repository proxy ที่ตั้งค่าไว้ (Linux server)

7. การสร้าง Backup Copy Strategy เพื่อ Copy ข้อมูลจากถัง Proxy ไป Veeam Repository

- ตรวจสอบ Backup Files บน Veeam Repository

 

7. การ Restore VM จาก Backup Veeam Repository มาที่ Proxy Repository

- Restore Entire VM จาก Proxy Repository เป็น VM

- สามารถเลือก Restore Point ได้ด้วยการกด Add และสามารถเลือก Auto Start VM ได้

8. การ Restore VM Disk จาก Proxy Repository เพื่อแทนที่ VM ปัจจุบัน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อคิดเห็น

0 ข้อคิดเห็น

โปรด ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อแสดงข้อคิดเห็น